
VDSL ย่อมาจาก Very high bit rate Digital Subscriber Line เป็นเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูลผ่านสายแบบดิจิตอลที่มีความเร็วสูงที่สุดในตระกูล xDSL ด้วยคุณสมบัติข้อดีที่เข้ากันได้กับสายโทรศัพท์พื้นฐานที่ใช้งานอยู่ตามบ้านทั่วไป จึงทำให้ทางอัลไลด์ เทเลซิน (Allied Telesyn) ผู้นำทางด้านเน็ตเวิร์คและ IP Solution ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับใช้งานในลักษณะ Ethernet Over VDSL ขึ้น เพื่อนำไปใช้งานกับตึกสูง(MxU) ดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นตึกในลักษณะอาคารหรือสำนักงานให้เช่า (MTU หรือ Multi-Tenant Units) หรือใช้งานในอาคารแบบ MDU(Multi-Dwelling Units) อาทิเช่น คอนโด, หอพัก หรือโรงแรม เป็นต้น ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น คือ AT-MC601 และ AT-MC602 เป็นตัวเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ผ่านทางพอร์ต Ethernet เข้ากับสายโทรศัพท์ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูงขึ้นเป็น 10Mbps (Full Duplex / จากเดิมที่ Dial-Up Modem ทำได้อย่างเต็มที่ที่ 56Kbps เท่านั้น) และรองรับระยะทางได้ 1.2 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังสามารถทำ Traffic Shapping ได้ทั้งการ Up-Stream และ Down-Stream และติดตั้งได้ง่าย และจะไม่มีผลกระทบกับระบบโทรศัพท์เดิม โดยสามารถใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี Ethernet Over VDSL ได้ พร้อมทั้งยังสามารถใช้โทรศัพท์ได้เป็นปกติ
ADSL ย่อมาจาก Asymmetric Digital Subscriber Line คือ เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง บนข่ายสายทองแดง หรือคู่สายโทรศัพท์ ADSL เป็นเทคโนโลยีในตระกูล xDSL โดยมีลักษณะสำคัญคืออัตราการเร็วในการรับข้อมูล (Downstream) และอัตราการเร็วในการส่งข้อมูล (Upstream) ไม่เท่ากัน โดยมีอัตรารับข้อมูลสูงสุดที่ 8 Mbps. และอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 1Mbps โดยระดับความเร็วในการ รับ-ส่ง ข้อมูลจะขึ้นอยู่กับ ระยะทาง และคุณภาพของคู่สายนั้นๆ เทคโนโลยี ADSL มีเทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ ซึ่งจะแบ่งย่านความถี่บนคู่สายทองแดง ออกเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงความถี่โทรศัพท์ (POTS) ช่วงความถี่ของการส่งข้อมูล (Upstream) ช่วงความถี่ในการรับข้อมูล(Downstream) จึงทำให้สามารถส่งข้อมูล และใช้โทรศัพท์ได้ในเวลาเดียวกัน เทคโนโลยี ADSL พัฒนาให้ใช้ TCP/IP Protocol เป็นหลัก ซึ่งเป็น Protocol ที่ใช้บนเครือข่าย Internet และพัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยี ATM ทำให้ ADSL สามารถรองรับ Application ในด้าน Multimedia ได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยี ADSL มีเทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ ซึ่งจะแบ่งย่านความที่บนคู่สายทองแดง ออกเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงความถี่โทรศัพท์ (POTS) ช่วงความถี่ของการส่งข้อมูล (Upstream) ช่วงความถี่ในการรับข้อมูล(Downstream) จึงทำให้สามารถส่งข้อมูล และใช้โทรศัพท์ได้ในเวลาเดียวกัน

เทคโนโลยี ADSL พัฒนาให้ใช้ TCP/IP Protocol เป็นหลัก ซึ่งเป็น Protocol ที่ใช้บนเครือข่าย Internet และพัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยี ATM ทำให้ ADSL สามารถรองรับ Application ในด้าน Multimedia ได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยี VDSL เป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งานสำหรับอาคารประเภท MxU ซึ่งอาคารประเภท MxU แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
ในปัจจุบันอาคารประเภท MxU นั้นมีอยู่แพร่หลาย ฉะนั้นการแข่งขันในตลาดจึงมีสูง สิ่งที่จะนำมาเป็นข้อได้เปรียบและทำให้ MxU Building ใด ๆ เหนือกว่าอาคารของคู่แข่ง และดึงดูดลูกค้าหรือองค์กรให้เข้ามาใช้บริหาร นอกจากจะเป็นเรื่องของสถานที่ตั้ง, ราคา, สิ่งแวดล้อม, สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

เทคโนโลยี VDSL จะแตกต่างกับเทคโนโลยี xDSL แบบอื่นตรงที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ในอัตราสูงกว่ามากได้ โดยสูงกว่าอัตราเร็วสูงสุดของ ASDL ที่ทำได้ในปัจจุบัน แต่มีระยะทางของการให้บริการเพียง 4,500 ฟุต (1.5 กิโลเมตร) เท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นการเดินสายภายในอาคารบางแห่ง อาจจะเกินระยะทางการให้บริการได้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ยิ่งสายมีความยาวมากขึ้นก็จะมีความเร็วตกลงจากเดิมอีกด้วย ซึ่งขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการรับ-ส่งข้อมูลภายในอาคารสำนักงาน หรือที่พักอาศัย แนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระยะทางนั้นสามารถแก้ปัญหาได้โดยผู้ให้บริการสามารถเลือกที่จะติดตั้ง Fiber Optic ไปยังผู้ใช้โดยตรง ซึ่งจะต้องลงทุนสูง แต่เนื่องจากเทคโนโลยี VDSL นั้นสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานกับสายโทรศัพท์ธรรมดา ถือเป็นจุดเด่นอีกประการหนึ่งของเทคโนโลยี VDSL ระยะทางในการให้บริการจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา และจะเห็นได้ว่าอาคารประเภท MxU ทุกแห่ง จะต้องมีการเดินสายโทรศัพท์ภายในอาคารไปตามห้องต่าง ๆ อยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อต้องการเพิ่มระบบอินเทอร์เน็ตให้กับห้องต่าง ๆ ในภายในอาคารแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทำการเดินสาย Fiber Optic เพิ่มเติมเพราะด้วยคุณสมบัติการให้บริการสามารถนำเทคโนโลยี VDSL เข้ามาใช้งานร่วมกับระบบสายโทรศัพท์เดิมได้เลย หลักการทำงานคือ สามารถเดิน Fiber Optic ไปยังชั้นล่างสุดของอาคาร ซึ่งจะติดตั้ง OUN (Optical Network Unit ตู้สีเขียวที่อยู่ริมถนนหรืออยู่ด้านล่างของอาคาร) และโมเด็ม VDSL เอาไว้ด้วยกัน หากผู้ใช้ต้องการใช้บริการ Broadband ที่มีอัตราเร็วสูงก็เพียงแต่ต่อโมเด็ม VDSL เข้ากับคู่สายทองแดงที่เดินมาจากชั้นล่างของอาคารเท่านั้น การใช้โมเด็ม VDSL สำหรับรับ-ส่งข้อมูลผ่านสายทองแดง จะช่วยให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ การต่อใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการใช้งานโทรศัพท์จะส่งผ่านคู่สายเพียงคู่เดียวเท่านั้น เทคโนโลยีการเดินสาย Fiber จากชุมสายมายังตู้ OUNurb (FTTC) หรือ Fiber To The Neighborhood (FTTN) หรือ Fiber To The Basement (FTTB) (โดยถ้าหากนำมาเทียบกับเทคโนโลยีในตระกูลเดียวกันและใช้กันมาก่อนหน้าเทคโนโลยี VDSL อย่างเทคโนโลยี ADSL แล้วนั้นจะมีความเร็วเร็วกว่าถึงประมาณ 10 เท่า และมากกว่า 30 เท่าหากเทียบกับเทคโนโลยี HDSL)
การที่จะเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีแบบ Ethernet over VDSLนั้น จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ประเภท VDSL ด้วย วิธีการเชื่อมต่อสามารถทำได้สองแบบคือ การเชื่อมต่อแบบ Point-to-Point และการเชื่อมต่อแบบ Point-to-Multi Point
การเชื่อมต่อแบบ Point-to-Point นั้น จำเป็นจะต้องมี VDSL Converter ที่เป็นตัว (Master) และ VDSL Converter ที่เป็นตัว (Slave) ซึ่ง VDSL Converter (Master) จะมีหน้าที่ในการแปลงสัญญาณแบบ Ethernet ที่ใช้กับสาย UTP และ STP ให้เป็นสัญญาณแบบ VDSL เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลบนสายโทรศัพท์ได้ และ VDSL Converter (Slave) จะทำการแปลงสัญญาณ VDSL ที่ส่งมากับสายโทรศัพท์มาเป็นสัญญาณแบบ Ethernet กลับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้สามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์เครือข่ายอื่น ๆ มาเชื่อมต่อกับ VDSL Converter ได้ทันที และนอกจากนั้นบนสายโทรศัพท์เส้นเดียวกันยังจะสามารถโทรศัพท์ได้พร้อมกันอีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อแบบ Point-to-Multi Point ซึ่งจะใช้สำหรับในกรณีที่มีการเชื่อมต่อระยะทางไกลๆ จะต้องนำอุปกรณ์ VDSL Switch มาใช้ โดยอุปกรณ์ VDSL Switch นั้นจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์ VDSL Converter (Slave) ส่วนอุปกรณ์ VDSL Switch นั้นก็จะมีให้เลือก 8 Port กับ 12 Port


การติดตั้งระบบเครือข่ายด้วยเทคโนโลยี VDSL แบ่งเป็นการติดตั้งเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ
สิ่งที่ต้องติดตั้งที่ห้องควบคุม คือ Vantage Service Gateway, Dimension Ethernet Switch, Vision VDSL Switch และ Billing Server ซึ่งรายละเอียดจะแตกต่างกันตามเครือข่าย การติดตั้งระบบเครือข่ายด้วยเทคโนโลยี DSL เราจะทำการติดตั้งอุปกรณ์ VDSL Switch เข้ารับระบบสายโทรศัพท์ของอาคาร โดยปกติระบบสายโทรศัพท์ภายในอาคารจะถูกติดตั้งโดยมีระบบ PBX ซึ่งรับเลขหมายมาจากผู้ใช้บริการโทรศัพท์ (CO Line) โดยผ่านตู้พักสาย MDF ซึ่งมีหน้าที่ในการเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์จาก PBX สู่ห้องพักต่างๆ โดยการติดตั้ง VDSL Switch จะเชื่อมต่อเข้าคู่สายที่ต้องการใช้งานจากตู้ MDF โดยจะไม่ต้องรื้อระบบโทรศัพท์ เดิมให้ยุ่งยากเลย
อุปกรณ์ที่จำเป็นในการติดตั้งที่ห้องผู้ใช้บริการคือ อุปกรณ์ VDSL Modem โดยอุปกรณ์ VDSL Modem มีลักษณะเป็น External Modem คือสามารถต่อสายโทรศัพท์ได้ ตลอดเวลา พร้อมทั้งยังสามารถใช้สายศัพท์ได้ในขณะใช้บริการ VDSL หลังจากการติดตั้งอุปกรณ์ VDSL modem ที่ห้องผู้ใช้บริการ โดยการเชื่อมต่อเข้ากับระบบห้องควบคุม สามารถเชื่อมต่อเข้ากับพอร์ต RJ11 ของอุปกรณ์ VDSL modem และผู้ใช้งานจะต่อคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต สาย LAN (RJ-45) และทำการติดตั้งค่าเกี่ยวกับระบบเครือข่ายที่จำเป็นเท่านี้ลูกค้าก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้พร้อมกับการใช้โทรศัพท์
การกำหนดมาตรฐานสำหรับเทคโนโลยี VDSL ของคณะกรรมการมาตรฐานของยุโรป (ETSI) และของอเมริกา (ANSI T1.413) กำลังดำเนินการพัฒนาอยู่ ปัจจุบันอยู่ในขั้นดำเนินการกำหนดความต้องการสำหรับโมเด็ม VDSL เช่น ระยะทางไกลที่สามารถส่งได้ อัตราเร็วข้อมูล และสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน ขั้นตอนถัดไปก็จะหาข้อกำหนดของ line coding และรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อให้โมเด็ม VDSL มีประสิทธิภาพในการทำงานตามความต้องการต่าง ๆ ตามที่ได้ ผู้ให้บริการโมเด็มส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้มาตรฐานถูกกำหนดเสียก่อน แต่กลับพัฒนาชิป VDSL ขนานไปกับการพัฒนามาตรฐานที่กำลังดำเนินการอยู่เมื่อมาตรฐานเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ให้บริการก็จะปรับโมเด็มให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ตามมาภายหลัง
มีผู้ให้บริการบางรายกำลังวางแผนและกำลังทดสอบการใช้งานVDSL ตัวอย่างเช่น ในการติดตั้งระบบ Dec Duck Informative System และปัจจุบันกำลังทดสอบ VDSL ของOrckit อยู่เครือข่ายของเกาหลีนี้จะให้บริการ VOD(Video On Demand) ดิจิตอล CATV และโทรศัพท์ โดยการใช้เครือข่าย ATM ผู้ให้บริการจะใช้ VDSL ที่มีอินเตอร์เฟส aTM เพื่อเชื่อมต่อระหว่าง CANS (Centralised Access Node System) กับผู้ใช้ผ่านสายทองแดงด้วยอัตราบิต 25 Mb/s
โครงการเครือข่ายสื่อสารข้อมูลหลายโครงการในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มที่จะนำเทคโนโลยี VDSL เข้ามาใช้Singapore one ได้ประกาศแล้ว่า จะใช้ ASDL ในการสร้าง Intelligent Island และ ASDL จะถูกนำมาใช้สำหรับการขยายเครือข่ายเมื่อ Fiber ได้ถูกนำมาใช้เข้าไปใกล้ผู้ใช้ปลายทางมากขึ้น โครงการ Opportunity/Teluk Naga ของอินโดนีเชีย และ Multimedia Super Corridor ของมาเลเซีย มีความคิดที่จะนำ VDSL เข้ามาใช้งานเช่นกัน นอกจากนี้บริการอินเทอร์เน็ตแอกทีฟมัลติมีเดียของฮ่องกง ซึ่งจะเปิดบริการในปีถัดไป จะเปิดบริการใช้อินเทอร์เน็ตให้บริการทางการเงิน อีเมล์ไดเร็กทอรี่ บริการช็อปปิ้งและวารสารออนไลน์ บริการอบรมทางการศึกษาและบริการข้อมูลด้านอื่น ๆ ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ ขณะนี้ยังมี โมเด็ม VDSL อยู่น้อยมาที่ขายอยู่ในท้องตลาด ซึ่งบอกความจริงที่ว่ายังมีการทดสอบใช้งานVDSL น้อยมากทั่วโลก โมเด็มส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้ชิปของ Lucent Technology ซึ่งไม่สนับสนุนมาตรฐาน ESTI VDSL performance ที่กำลังพัฒนาขึ้น โมเด็ม VDSL (ที่มอดูเลตแบบ QAM) ของทางOrckit ที่มีชื่อว่าORspreed จะใช้ชิปและชิ้นส่วนประกอบที่ทางOrckitry พัฒนาขึ้นเองง ด้านการตลาด ช่วงกว่า ๅ ปีที่ผ่านมาโมเด็ม OR speed ได้ถูกทดสอบแล้ให้ผลลัพธ์เป็นอย่างดี โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์หลายๆรายซึ่งประกอบด้วย Deutshe Telekom Tclia และ Bell Canada หลายปริษัทประกอบด้วยOrckit และ Harris Semiconductor กำลังพัฒนาชิป VDSL ซึ่งคาดว่าจะมีให้ใช้ในปี 1998 ประเด็นสำคัญต้องพิจารณา เนื่องจาก VDSL ถูกติดตั้งใช้งาน
นอกจากการออกแบบมาใช้งานสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว VDSL ยังสามารถกำหนดให้เหมาะกับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลางได้อีกด้วย แม้แต่ผู้ใช้ในระดับองค์กรก็ยังสามารถนำมาใช้งานได้ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐหลาย ๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา หรือการแพทย์ เป็นตัน ตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ได้แก่
แต่ไม่ว่าจะมีเครือข่ายความเร็วสูงเพียงใด การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ก็เป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างฮาร์ดดิสก์เมื่อก่อนมีความจุอยู่ในหลักเมกะไบต์ เมื่อเพิ่มความจุขึ้อที่มีอยู่อย่างเกินพอที่จะใช้งาน แต่ในปัจจุบันลง OS ก็แทบจะเต็มแล้ว ฮาร์ดดิสก์ใหญ่กว่าอย่าง 120 กิกกะไบต์ สำหรับผู้ใช้งานบางประเภทอาจจะมากพอ แต่สุดกลับกลายเป็นว่าเอาไว้เก็บไฟล์ขยะที่สุดท้ายฮาร์ดดิสก์ก็ยังคงเต็มเช่นเดิม Bandwidth ที่มีก็เช่นเดียวกันหากเปิดกว้างให้ใช้งาน แล้วผู้ใช้ใช้อย่างไม่รู้คุณค่า โหลดไฟล์เรียกว่าขยะ หรือก็อปปี้ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ รวมทั้งไม่มีการป้องกันไวรัสหรือเวิร์มได้ดีพอสุดท้ายแล้ว Bandwidth ที่มีมากขนาดนี้ก็คงไม่พอเช่นกัน
แหล่งที่มา tlcthai.com